กระเป๋าเดินทางขึ้นรา ทิ้งหรือใช้ต่อ เรื่องสำคัญที่นักเดินทางควรรู้

ถึงเวลาออกเดินทางท่องโลกอีกครั้งจากที่ห่างหายมานาน แต่พอเปิดกรุหยิบเอากระเป๋าเดินทางใบเก่งออกมา ก็พบว่ากระเป๋าของคุณถูกก่อกวนด้วย “เชื้อรา” ยกขบวนขึ้นกระเป๋ากระจัดกระจายเต็มไปหมด ใครที่ประสบปัญหานี้คงเกิดคำถามขึ้นในใจว่าจะทำอย่างไรดี และควรทิ้งหรือใช้ต่อได้ วันนี้เราจึงมีเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับวิธีป้องกันไม่ให้กระเป๋าขึ้นรา และวิธีจัดการหากราขึ้นกระเป๋า ซึ่งขอบอกเลยว่าทำได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ สละเวลาดูแลเอาใจใส่เล็กน้อยเพื่อให้กระเป๋าใบโปรดอยู่คู่คุณในทุกการเดินทางได้นาน ๆ

4 วิธีป้องกันไม่ให้กระเป๋าเดินทางขึ้นรา เรื่องง่าย ๆ ที่คุณไม่เคยรู้

รู้ก่อนเสียของรัก เพราะกระเป๋าเดินทางใบโปรดไม่ได้หากันง่าย ๆ ถึงแม้ว่าการที่ราขึ้นกระเป๋าจะไม่ได้รุนแรงถึงขั้นกระเป๋าพังจนใช้งานต่อไม่ได้ แต่หากปล่อยไว้นานไม่ดูแลเอาใจใส่เสียแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้กระเป๋าเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร มาดู 4 วิธีป้องกันที่เรานำมาฝากกันดีกว่า มั่นใจได้เลยว่าราไม่ถามหา ป้องกันได้แน่นอน

1.กระเป๋าต้องแห้งสนิทก่อนเก็บ หากคุณเพิ่งผ่านทริปแห่งการผจญภัย จนกระเป๋าเดินทางที่พกไปมีคราบสกปรกเลอะเทอะไปหมด จำเป็นที่ต้องทำความสะอาดด้วยการนำผ้าชุบน้ำสบู่ หรือครีมทำความสะอาดอเนกประสงค์(สเตคลีน) เช็ดบริเวณที่เปื้อนออกให้หมด ระวังไม่ให้ถูกเส้นซิป จากนั้นใช้ผ้าแห้งเช็ดซ้ำอีกครั้ง แล้วนำไปผึ่งลมให้แห้งสนิท เพื่อไม่ให้กระเป๋ามีความชื้นขณะเก็บ เพราะความชื้นคือตัวการสำคัญที่ทำให้ราขึ้นกระเป๋าได้ แต่ต้องระวังไม่ผึ่งในที่ที่มีแดดแรง เพราะความร้อนของแสงแดดอาจทำให้วัสดุที่ใช้ทำกระเป๋าเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร

สำหรับกระเป๋าเดินทางผ้าสามารถทำความสะอาดโดยใช้ผ้าแห้งหรือแปรงขนนุ่มปัดเบา ๆ บริเวณที่เป็นคราบสกปรก

2.ห้ามใช้ถุงพลาสติกคลุม หลายคนใช้ถุงพลาสติกคลุมกระเป๋าก่อนเก็บเข้าที่ เพราะเข้าใจว่าจะป้องกันฝุ่นได้ดี แต่ที่จริงแล้วถุงพลาสติกนี้จะทำให้เกิดความชื้น เมื่อใช้ห่อหุ้มกระเป๋าเป็นเวลานาน ยิ่งพื้นที่จัดเก็บมีความชื้นสูงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ก็จะยิ่งทำให้เชื้อราขึ้นกระเป๋าได้ง่ายและแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

3.จัดเก็บในที่ที่มีอากาศถ่ายเท ไม่ควรเก็บกระเป๋าเดินทางไว้ในตู้ที่ปิดสนิทไม่มีอากาศถ่ายเท หรือเก็บบริเวณใกล้กับห้องน้ำ เพราะเป็นบริเวณที่มีความชื้นสูง ยิ่งชื้นมากเท่าไหร่ โอกาสที่กระเป๋าจะขึ้นราก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น

4.หยิบออกมาจากที่เก็บบ้างเป็นครั้งคราว แม้จะไม่ได้มีโอกาสออกทริปบ่อย ๆ แต่คุณก็สามารถหยิบกระเป๋าที่ใช้เดินทางออกมาจากที่เก็บบ้างก็ได้ โดยอาจจะเดือนละ 1-2 ครั้ง เพื่อตรวจสอบว่ามีเชื้อราขึ้นกระเป๋าไหม และเป็นการป้องกันไม่ให้กระเป๋าอยู่กับที่นานเกินไปจนถูกเชื้อราเล่นงาน

กระเป๋าเดินทางขึ้นราแก้ไขได้ ไม่ต้องทิ้ง นำกลับมาใช้ใหม่ได้เหมือนเดิม

เมื่อคุณพบว่ากระเป๋าเดินทางของคุณขึ้นราเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อย่าเพิ่งหัวเสียคิดว่าต้องเสียเงินซื้อใบใหม่ เพราะยังมีทางแก้ไข สามารถทำให้เชื้อราหายออกจากกระเป๋าแล้วนำกลับมาใช้งานต่อได้อย่างไม่ต้องกังวลเรื่องอันตรายต่อสุขภาพ เพียงแค่ต้องทำด้วยความระวังเล็กน้อย เพราะเชื้อราเมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถแพร่กระจายไปยังสิ่งของชิ้นอื่น ๆ ได้ รวมถึงจะฟุ้งกระจายอยู่ในอากาศ ทางที่ดีก่อนจะกำจัดเชื้อราออกจากกระเป๋าควรใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันการสูดเอาเชื้อราเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว ซึ่งวิธีกำจัดทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

1.เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ นำสำลีชุบแอลกอฮอล์ที่ใช้ทำความสะอาดแผล เช็ดให้ทั่วกระเป๋าแม้จะไม่ใช่บริเวณที่ราขึ้นก็ตาม เพื่อป้องกันการลุกลาม และถือเป็นการทำความสะอาดฆ่าเชื้อโรคไปในตัว

2.น้ำส้มสายชูช่วยได้ ของติดครัวอย่างน้ำส้มสายชูก็นำมากำจัดราบนกระเป๋าได้ โดยเทน้ำส้มสายชูลงไปบนผ้าสะอาดเล็กน้อย และนำไปเช็ดบริเวณที่ราขึ้นให้สะอาด กรดที่อยู่ในน้ำส้มสายชูจะทำการกำจัดเชื้อราให้หมดไป

3.ผึ่งให้แห้ง หลังจากทำตามวิธีใดวิธีหนึ่งข้างต้น ไม่ว่าจะเลือกใช้แอลกอฮอล์ล้างแผล หรือน้ำส้มสายชู เมื่อเช็ดราออกจากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้นำกระเป๋าไปผึ่งลมให้แห้งสนิท จึงค่อยนำมาใช้งาน ทริปต่อไปก็ออกเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ ปลอดภัยจากเชื้อรา

เพียงเท่านี้กระเป๋าเดินทางคู่ใจของคุณก็จะปลอดภัย จบปัญหาราขึ้นกระเป๋า นำกลับมาใช้ต่อได้สบาย ๆ ซึ่งหากทำความสะอาดกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว อย่าลืมหันกลับไปดูที่เก็บกระเป๋าในส่วนอื่น ๆ เพราะอาจมีเชื้อราหลงเหลือหรือปะปนอยู่กับสิ่งของเครื่องใช้อื่น ๆ ซึ่งคุณสามารถใช้วิธีแก้ไขที่เรานำมาฝากจัดการกับราในบริเวณอื่น ๆ ได้เช่นกัน