ประเภทกระเป๋าเดินทาง VS การเดินทาง เลือกให้ถูกช่วยเบาแรงได้เยอะ

กระเป๋าเดินทางคือไอเทมช่วยขนสัมภาระระหว่างเดินทางให้ติดตามคุณไปทุกทริป ซึ่งกระเป๋าเดินทางอาจเปลี่ยนจากอุปกรณ์ขนสัมภาระ กลายเป็นอุปกรณ์ที่เป็นภาระได้หากคุณเลือกใช้กระเป๋าที่ไม่เหมาะกับประเภทการเดินทางของคุณ แล้วต้องจับคู่อย่างไรกระเป๋าจึงจะใช้งานได้เหมาะสม วันนี้เรานำเกร็ดความรู้เรื่องนี้มาฝาก เพื่อให้กระเป๋าใบเก่งช่วยเบาแรงในการเดินทางครั้งหน้า และคุณจะสนุกกับทริปได้มากขึ้นกว่าเดิม

กระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก จุดได้เยอะ แต่ต้องแลกด้วยขนาดกระเป๋า

1.กระเป๋าล้อลากแบบ Carry on กระเป๋ายอดนิยมที่เป็นหนึ่งในประเภทกระเป๋าเดินทางที่ผู้คนเลือกใช้กันมาก ด้วยขนาดที่ไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้โดยไม่ต้องโหลดสัมภาระ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้มากขึ้นกว่าเดิม แถมตัวกระเป๋ายังจุสัมภาระได้มาก เสื้อผ้าที่จัดใส่มีโอกาสยับน้อยกว่ากระเป๋าประเภทอื่น ที่สำคัญไม่ต้องเหนื่อยแบกหรือถือ เพราะมีล้อลากไปกับพื้นติดตามคุณไปได้ทุกที่สบาย ๆ กระเป๋าประเภทนี้จึงเหมาะกับการเดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ที่มีถนนหนทางลากกระเป๋าได้สะดวก และเป็นการเดินทางระยะสั้น ประมาณ 3-7 วัน

2.กระเป๋าล้อลากขนาด 24-28 นิ้วขึ้นไป หรือ Check In Baggage กระเป๋าล้อลากใบใหญ่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลระยะยาวที่มากกว่า 1 สัปดาห์ขึ้นไป หรือนิยมใช้ในการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งหากเดินทางไปต่างประเทศเมืองหนาวระยะเวลาประมาณ 5-7 วัน หรือมากกว่านั้น กระเป๋าเดินทางประเภทนี้จะช่วยเก็บสัมภาระของคุณได้จุและครบถ้วน เสื้อกันหนาวตัวใหญ่ก็สามารถพกพาไปเปลี่ยนถ่ายรูปได้หลายตัว เพียงแค่ต้องมีเทคนิคการเก็บเสื้อกันหนาวโดยนำใส่ถุงสุญญากาศเพื่อประหยัดพื้นที่มากขึ้น แต่ไม่ใช่ว่าทุกประเทศที่ไปจะเหมาะกับกระเป๋าล้อลากใบใหญ่แบบนี้ หากเป็นประเทศที่ถนนหนทางและฟุตบาทยังจัดระเบียบได้ไม่ดีนัก พื้นขรุขระจนไม่สามารถลากกระเป๋าได้ หรือเป็นทริปท่องธรรมชาติ เดินป่าเขา เทรคกิ้ง กระเป๋าล้อลากใบใหญ่จะสร้างความลำบากในขณะเคลื่อนที่ซะเอง

กระเป๋าเป้และกระเป๋าเดินทางสะพายข้าง ใช้ได้ทุกทริป ตอบโจทย์ทุกการเดินทาง

1.กระเป๋าเป้เดินทาง อีกหนึ่งประเภทกระเป๋าออกทริปที่เป็นตัวเลือกของนักเดินทางหลาย ๆ คน ไม่น้อยไปกว่ากระเป๋าเดินทางแบบล้อลาก ไม่ว่าจะเป็นทริปสั้นทริปยาว ก็สามารถจัดเสื้อผ้าใส่กระเป๋าสะพายหลังพาคุณออกทริปได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งถ้าเป็นเป้ใบเล็กที่น้ำหนักรวมไม่ถึง 7 กิโลกรัม ก็สามารถนำขึ้นเครื่องได้ หรือหากเป็นกระเป๋าเป้ใบใหญ่ หรือที่เรียกว่ากระเป๋า Backpack ที่จุได้มากกว่า 15 กิโลกรัมขึ้นไป และมีโครงสร้างที่รองรับน้ำหนักได้ดี เหมาะสำหรับการออกทริปที่ไปยังสถานที่ลำบาก ทริปที่ต้องออกเดินทางอยู่ตลอด รวมถึงทริปเดินป่าเดินเขา กระเป๋าประเภทนี้ก็จะตอบโจทย์ได้ดี

2.กระเป๋าสะพายข้าง เป็นกระเป๋าทรงสปอร์ตที่จุของได้มากพอสมควร แถมยังจัดเรียงสัมภาระง่ายกว่ากระเป๋าเป้ และตัวกระเป๋ามีน้ำหนักที่เบากว่ากระเป๋าล้อลาก เหมาะสำหรับใช้เดินทางกับระบบขนส่งทุกประเภท ไม่ว่าจะทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ กระเป๋าเดินทางสะพายข้างก็สามารถจัดเก็บและนำพาสัมภาระของคุณไปทุกทริปได้อย่างสะดวก

ได้ทราบกันไปแล้วว่ากระเป๋าเดินทางแต่ละแบบควรนำไปใช้กับทริปการเดินทางแบบใด หากคุณอยากใช้งานไอเทมเก็บสัมภาระที่ช่วยอำนวยความสะดวก ไม่ใช่ไอเทมที่เพิ่มภาระให้กับการเดินทาง ควรสละเวลาศึกษาและจับคู่กระเป๋าให้ถูกทริปสักนิด เพื่อให้ความสุขสนุกสนานในวันหยุดพักผ่อนของคุณไม่สูญหายไปกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ดี ๆ กลับไป สร้างทริปแห่งความทรงจำที่หวนนึกถึงทีไรก็มีแต่รอยยิ้มทุกที