เช็กอินอย่างไรให้ไม่ตกเครื่อง แถมมีเวลาชอปปิงที่สนามบินสบาย ๆ

ใครที่เคยผ่านประสบการณ์ตกเครื่องมาก่อน ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าประสบพบเจอเลย เพราะปัญหาอื่น ๆ ที่ตามมามีแต่ทำให้เสียทั้งทรัพย์และเวลา ไหนจะต้องซื้อตั๋วเครื่องบินใหม่ เวลาที่ต้องนั่งรอกว่าจะถึงไฟลต์บินใหม่ กระเป๋าเดินทาง 24 นิ้วที่ต้องลากติดตัวไปมาอยู่ตลอด ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นก็จะทำให้การเดินทางครั้งนี้ชักไม่สนุกแล้ว วิธีแก้ปัญหาที่ดี คือ คุณควรเรียนรู้วิธีเช็กอินไม่ให้ตกเครื่อง แถมเหลือเวลาชอปปิงที่สนามบินได้อย่างเพลิดเพลิน

5 วิธีเช็กอินพร้อมโหลดกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้วไม่ให้ตกเครื่อง

คุณไม่จำเป็นต้องรอไปเช็กอินที่หน้าเคาน์เตอร์เพียงอย่างเดียว จริง ๆ แล้วการเช็กอินเพื่อโดยสารเครื่องบินนั้น มีอีกหลากหลายวิธีให้คุณได้เลือกใช้บริการ รับรองว่าทำตามวิธีเหล่านี้แล้ว คุณสามารถเช็กอินพร้อมโหลดกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้วใบโปรดได้ทันเวลา ไม่ตกเครื่อง แถมมีเวลาเหลือทำสิ่งต่าง ๆ ได้สบาย ๆ

1.เช็กอินที่เคาน์เตอร์ก่อนเวลาเครื่องออกเนิ่น ๆ วิธีแรกเป็นคำแนะนำเสริมสำหรับผู้ที่ยังเลือกวิธีเช็กอินแบบเดิม คือ เช็กอินกับพนักงานสายการบินที่หน้าเคาน์เตอร์ในสนามบิน ซึ่งขอแนะนำว่าถ้าเป็นไฟลต์บินภายในประเทศควรไปถึงล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง แต่หากเป็นไฟลต์บินระหว่างประเทศควรไปถึงล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนเวลาบิน โดยเคาน์เตอร์สายการบินส่วนใหญ่จะปิดรับเช็กอินก่อนเวลาเครื่องออกเพียง 45 นาที

2.เช็กอินล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ เป็นอีกช่องทางในการเช็กอินออนไลน์ ซึ่งแต่ละสายการบินจะเปิดให้เช็กอินล่วงหน้าแตกต่างกันไป โดยผู้โดยสารต้องศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้ละเอียดถี่ถ้วน เพื่อจะได้ไม่เจอปัญหาเช็กอินออนไลน์ไม่ทัน ไปเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์ก็ไม่ทัน จนตกเครื่องในท้ายที่สุด

3.เช็กอินผ่านแอปพลิเคชันสายการบิน สำหรับบริการเช็กอินออนไลน์นั้น นอกจากเช็กอินผ่านเว็บไซต์ของสายการบินแล้ว ปัจจุบันยังสามารถเช็กอินผ่านแอปพลิเคชันสายการบินได้อีกด้วย ซึ่งขั้นตอนการเช็กอินผ่านแอปนั้น ถูกออกแบบมาให้ดำเนินการได้โดยง่ายและสะดวกสบาย เมื่อถึงสนามบินถ้าไม่มีกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว หรือขนาดกระเป๋าที่เกินกว่าจะถือขึ้นเครื่องได้ ก็สามารถเดินขึ้นเครื่องได้เลยทันที เพียงแค่แสดงหลักฐานการเช็กอินผ่านแอปให้เจ้าหน้าที่สนามบินดูเท่านั้น แต่ถ้ามีกระเป๋าที่ต้องโหลดใต้ท้องเครื่อง ก็ให้นำไปโหลดที่เคาน์เตอร์ก่อนโดยไม่ต้องเช็กอินซ้ำอีกครั้ง

4.ตู้ Kiosk ที่สนามบิน เครื่องเช็กอินด้วยตนเอง ที่จะตั้งให้บริการอยู่ภายในสนามบินต่าง ๆ โดยนิยมใช้กับเที่ยวบินภายในประเทศ เพียงแค่กรอกรหัสการจอง และข้อมูลของผู้โดยสาร หรือสแกนบาร์โค้ดที่ได้รับตอนจองตั๋ว ตู้ Kiosk นี้ก็จะดำเนินการออก Boarding Pass ให้คุณถือขึ้นเครื่องได้เลย โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อแถวเช็กอิน

5.เช็กอินให้ถูกต้องตามวันและเวลาหน้าตั๋ว เหมือนจะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นต้องบอก แต่รู้หรือไม่ว่า การดูเวลาผิดคือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้หลาย ๆ คนตกเครื่อง บางคนดูเวลาเรียกขึ้นเครื่อง (Boarding Time) เป็นเวลาเช็กอิน หรือในกรณีขึ้นเครื่องที่ต่างประเทศที่เวลาแตกต่างกับเวลาของประเทศไทย ซึ่งที่ถูกต้องนั้นคือต้องยึดเวลาท้องถิ่นของประเทศนั้น ๆ เป็นหลัก แต่ก็ยังมีผู้โดยสารบางคนที่เข้าใจผิดมาขึ้นเครื่องตามเวลาของไทย จนทำให้ตกเครื่องในที่สุด

เช็กให้ดีหากไม่อยากตกเครื่อง ระยะเวลาเปิดให้เช็กอินล่วงหน้าของแต่ละสายการบิน

แต่ละสายการบินจะเปิดให้เช็กอินออนไลน์ล่วงหน้าในระยะเวลาที่แตกต่างกันไป เราจึงได้รวบรวมข้อมูลระยะเวลาเช็กอินล่วงหน้าของสายการบินยอดนิยมที่มีไฟลต์บินในประเทศไทยมาฝาก

การบินไทย (Thai Airways)                  เปิดให้เช็กอินล่วงหน้าตั้งแต่ 24 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

บางกอกแอร์เวย์ (Bangkok Airways)   เปิดให้เช็กอินล่วงหน้าตั้งแต่ 24 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

ไทยสมายล์ (Thai Smile)                      เปิดให้เช็กอินล่วงหน้าตั้งแต่ 24 – 2 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

นกแอร์ (Nok Air)                                   เปิดให้เช็กอินล่วงหน้าตั้งแต่ 24 – 4 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

แอร์เอเชีย (AirAsia)                               เปิดให้เช็กอินล่วงหน้าตั้งแต่ 14 วัน – 1 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

ไทยไลอ้อนแอร์ (Thai Lion Air)           เปิดให้เช็กอินล่วงหน้าตั้งแต่ 24 – 4 ชั่วโมงก่อนการเดินทาง

รู้แบบนี้แล้วการเดินทางครั้งต่อไป ปัญหาตกเครื่องเพราะเช็กอินไม่ทันคงไม่เกิดขึ้นกับคุณอีก เปิดทริปแบบสบาย ๆ ไม่รีบร้อน เลือกเช็กอินออนไลน์ล่วงหน้า หรือไปถึงสนามบินก่อนเวลาเครื่องออกไม่น้อยกว่า 2-3 ชั่วโมง คุณก็จะมีเวลาสำหรับโหลดกระเป๋าเดินทาง 24 นิ้ว มีเวลาเหลือให้ทานอาหาร เข้าห้องน้ำ เลือกซื้อสินค้าปลอดภาษีต่าง ๆ ในสนามบินได้แบบชิล ๆ